จัดส่งฟรี ทั่วประเทศ ทุกยอดสั่งซื้อ 999 บาทขึ้นไป
จัดส่งฟรี ทั่วประเทศ ทุกยอดสั่งซื้อ 999 บาทขึ้นไป
ตะกร้า 0

ผงบีทรูทออร์แกนิค (100 กรัม / 300 กรัม)

พร้อมส่ง
รหัสสินค้า :
BTR
฿239.00

บีทรูท (Beetroot) หรือหัวบีท เป็นผักเพื่อสุขภาพประจำเมืองหนาว โดยมีต้นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน แถบยุโรป โดยมีรากหรือหัวพืชที่สะสมอาหารอยู่ใต้ดิน มีลักษณะทรงกลมป้อม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-6 เซนติเมตร เนื้อด้านในอวบน้ำ มีสีแดงเลือดหมูอมม่วง โดยบีทรูทอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด เช่น ไฟเบอร์ วิตามินบี 9 โฟเลต แมงกานีส โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินซี เป็นต้น

หัวบีทรูท มีสารสีแดงที่มีชื่อว่า บีทานิน (Betanin) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่สำคัญ เป็นตัวช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยลดการเติบโตของเนื้องอกได้ แถมยังทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารสีม่วงที่มีชื่อว่า แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยลดสารก่อมะเร็ง ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ เบาหวานและอัมพาตได้อีกด้วย

บีทรูทอุดมไปด้วยสารไนเตรต (Nitrates) ที่ช่วยเสริมสมรรถภาพทางร่างกาย โดยเฉพาะในระหว่างการออกกำลัง โดยจากรายงานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำบีทรูทช่วยเสริมสร้างพละกำลังและความแข็งแรง ลดอาการเหนื่อยล้าจากการออกกำลังหรือเล่นกีฬา ทำให้อึดทนทานมากขึ้นถึง 16%

นอกจากนี้ บีทรูท ยังเป็นผักที่มีใยอาหารสูง ปริมาณค่าความหวาน (GI) ต่ำถึงปานกลาง ให้พลังงานต่ำ จึงทำหัวบีท ขึ้นแท่นเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก คนรักสุขภาพ รวมถึงนักกีฬาที่ต้องการเพิ่มสมรรถนะให้แก่ร่างกาย

    

ทำไมต้อง RAWGANIQ

ผงบีทรูทออร์แกนิค (Organic Beetroot Powder) ของ RAWGANIQ มาจากฟาร์มอินทรีย์ในอินเนอร์มองโกเลีย ซึ่งปลูกบนดินที่ไม่เคยผ่านการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงใดๆ  หัวบีทที่เก็บเกี่ยวแล้วจะถูกนำไปแช่ในน้ำกลั่นบริสุทธิ์ ก่อนนำมาล้าง ตัด ตากแห้ง และบดผง โดยกรรมวิธีแอร์ดราย (Air Dry) ไม่ใช้ความร้อนสูงในกระบวนการ เพื่อให้มั่นใจว่าบีทรูท จะยังคงอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากที่สุด

  • มีใบรับรองออร์แกนิคมาตรฐาน USDA และ EU (ดูใบรับรอง)
  • เรานำเข้าสินค้าโดยตรงจากเกษตรกรในประเทศแหล่งกำเนิด การันตีทั้งเรื่องคุณภาพและราคา
  • ผลิตและแบ่งบรรจุในโรงงานที่มีใบอนุญาตจากอ.ย. และได้รับการรับรองมาตรฐาน GHPs/HACCP Codex (ดูใบรับรอง)
  • เราเก็บรักษาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ในห้องควบคุมอุณหภูมิ
  • สินค้าบรรจุสุญญากาศเพื่อคงความสดใหม่
  • เลือกใช้เฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับอาหาร (food-grade) และผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีสารตกค้างจากบรรจุภัณฑ์ (Migration test) เท่านั้น
  • ผ่านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทั้งด้านความปลอดภัยและคุณค่าสารอาหาร

ประโยชน์ของบีทรูท:
  • การดื่มน้ำบีทรูทเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างพละกำลังและความแข็งแรง ลดอาการเหนื่อยล้าจากการออกกำลัง ทำให้อึดทนทานมากขึ้นถึง 16%
  • ลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด โดยสารไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ที่พบในบีทรูทมีสรรพคุณช่วยขยายหลอดเลือดอย่างอ่อน ๆ ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น และยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด จึงมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ช่วยลดการสะสมไขมันและลดการอุดตันในหลอดเลือด ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ลดไขมันในตับ เนื่องจากบีทรูทมีสารบีทานินที่อาจช่วยป้องกันหรือลดการสะสมไขมันในตับ ป้องกันตับจากสารพิษ อีกทั้งยังมีรายงานผลการทดลองในสัตว์และการศึกษานำร่องที่ระบุผลว่าสารบีทานินนี้มีผลต่อการลดไขมันของผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับ ชนิดที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากแอลกอฮอล์
  • ลดความดันโลหิตเนื่องจากบีทรูทอุดมไปด้วยสารไนเตรตซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิต
  • บีทรูทมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
  • ช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
  • ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตให้ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
  • ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
  • ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งและลดการเจริญเติบโตของเนื้องอก (สารบีทานิน)
  • ช่วยลดจำนวนสารก่อมะเร็งในร่างกาย (แอนโทไซยานิน)
  • ช่วยบำรุงสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ (แอนโทไซยานิน)

หมายเหตุ:

* การรับประทานบีทรูทอาจทำให้ปัสสาวะและอุจจาระเป็นสีแดงหรือชมพูหลังจากรับประทาน โดยเป็นอาการที่เรียกว่าบีทูเรีย (Beeturia) ซึ่งไม่มีอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย *


ข้อควรระวัง:

– เนื่องจากบีทรูทมีปริมาณสารออกซาเลตค่อนข้างสูง ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเรื่องนิ่ว เกาต์ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ จึงไม่ควรทานบีทรูทในปริมาณมาก

– บีทรูทอาจส่งผลให้ระดับแคลเซียมลดต่ำลงและกระทบต่อการทำงานของไต ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับไตหรือระดับแคลเซียมในร่างกาย ไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป

– ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำไม่ควรรับประทานน้ำบีทรูทเป็นประจำ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงให้ความดันโลหิตลดต่ำลงได้


วิธีรับประทาน:
  • ใช้ปริมาณ ½-1 ช้อนตวง (4-7.5 กรัม) กับน้ำ 200-300ml โดยนำไปผสมในน้ำเปล่า น้ำผักผลไม้ สมูทตี้ โยเกิร์ต นมอัลมอนด์ น้ำเต้าหู้ หรือเครื่องดื่มต่างๆ
  • ใช้เป็นส่วนผสมในการทำซุป ซอส ขนมปัง และเบเกอรี่ต่างๆ

ที่มา:                          

https://healthline.com

https://draxe.com

https://nutritionfacts.org

https://medthai.com

https://pobpad.com