จัดส่งฟรี ทั่วประเทศ ทุกยอดสั่งซื้อ 999 บาทขึ้นไป
จัดส่งฟรี ทั่วประเทศ ทุกยอดสั่งซื้อ 999 บาทขึ้นไป
ตะกร้า 0

แพ็คผสม ครีมงาขาวบดออร์แกนิค (กะเทาะเปลือก) 100% + ครีมงาดำบดออร์แกนิค 100%

พร้อมส่ง
รหัสสินค้า :
BD-PACK-WPT-BUT
ราคาพิเศษ ฿285.00 ราคาปรกติ ฿300.00

ทาฮีนี (Tahini) เกิดจากการนำเมล็ดงาขาวหรืองาดำมาบดจนเป็นเนื้อครีม นิยมใช้ในอาหารแอฟริกาเหนือ อาหารกรีก อาหารตุรกี และอาหารตะวันออกกลาง ถือเป็นเมนูแสนอร่อยที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถใช้ทดแทนเนยหรือมาการีน เพื่อใช้ทาขนมปังหรือแครกเกอร์ (spread) เป็นดิปปิ้งซอส (dipping sauce) แสนอร่อย ที่จะช่วยเพิ่มรสชาติให้กับเมนูของทานเล่น หรือใช้เป็นน้ำสลัดเพื่อสุขภาพเพื่อทดแทนมายองเนสหรือสลัดครีมอื่นๆ หรืออาจนำไปใช้เป็นส่วนประกอบหลักของฮุมมุส (Hummus) และอาหารอื่นๆ ได้หลากหลาย

ครีมงาขาวบดออร์แกนิคของ RAWGANIQ ผลิตจากเมล็ดงาขาวออร์แกนิคแท้ 100% ไม่แต่งกลิ่น ไม่แต่งรส ไม่เติมสี ไม่เพิ่มความหวาน ไม่ใส่เกลือ และไม่ใช้วัตถุกันเสีย มีเพียงรสชาติของเมล็ดงาขาวออร์แกนิคคุณภาพสูงแท้ๆ จากธรรมชาติ ที่ให้ทั้งความอร่อยและคุณค่าสารอาหารสูงสุด เหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพที่ไม่ชอบรสหวาน

    

ทำไมต้อง RAWGANIQ

ครีมงาขาวบดออร์แกนิค ของ RAWGANIQ ผลิตจากเมล็ดงาขาวออร์แกนิคนำเข้าจากอินเนอร์ มองโกเลีย ผ่านกรรมวิธีการบดปริมาณน้อยด้วยเครื่องโม่หินแบบดั้งเดิม มีการควบคุมอุณหภูมิและรักษาระดับความร้อนระหว่างผลิต เพื่อให้ได้รสชาติอันเข้มข้นของเมล็ดงาแท้ๆ จนได้ครีมงาขาวบดรสเนียนนุ่มที่มาจากธรรมชาติ 100% ไม่มีการแต่งกลิ่น ไม่แต่งรส ไม่เติมสี ไม่เพิ่มความหวาน ไม่ใส่เกลือ ไม่ใช้วัตถุกันเสียใดๆ มีเพียงรสชาติของเมล็ดงาขาวออร์แกนิคคุณภาพสูงแท้ๆ ที่ให้ทั้งความอร่อยและคุณค่าสารอาหารสูงสุด

  • ใช้วิธีการโม่หินแบบดั้งเดิมในปริมาณน้อย และใช้ความร้อนต่ำ
  • มีใบรับรองออร์แกนิคมาตรฐาน USDA และ EU (ดูใบรับรอง)
  • เรานำเข้าสินค้าโดยตรงจากเกษตรกรในประเทศแหล่งกำเนิด การันตีทั้งเรื่องคุณภาพและราคา
  • ผลิตและแบ่งบรรจุในโรงงานที่มีใบอนุญาตจากอ.ย. และได้รับการรับรองมาตรฐาน GHPs และ HACCP Codex (ดูใบรับรอง)
  • เราเก็บรักษาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ในห้องควบคุมอุณหภูมิ
  • สินค้าบรรจุสุญญากาศเพื่อคงความสดใหม่
  • เลือกใช้เฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับอาหาร (food-grade) และผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีสารตกค้างจากบรรจุภัณฑ์ (Migration test) เท่านั้น
  • ผ่านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทั้งด้านความปลอดภัยและคุณค่าสารอาหาร

 

ครีมงาดำบดออร์แกนิค ของ RAWGANIQ ผลิตจากเมล็ดงาดำออร์แกนิคนำเข้าจากอินเนอร์ มองโกเลีย ผ่านกรรมวิธีการบดปริมาณน้อยด้วยเครื่องโม่หินแบบดั้งเดิม มีการควบคุมอุณหภูมิและรักษาระดับความร้อนระหว่างผลิต เพื่อให้ได้รสชาติอันเข้มข้นของเมล็ดงาแท้ๆ จนได้ครีมงาดำบดรสเนียนนุ่มที่มาจากธรรมชาติ 100% ไม่มีการแต่งกลิ่น ไม่แต่งรส ไม่เติมสี ไม่เพิ่มความหวาน ไม่ใส่เกลือ ไม่ใช้วัตถุกันเสีย มีเพียงรสชาติของเมล็ดงาดำออร์แกนิคคุณภาพสูงแท้ๆ ที่ให้ทั้งความอร่อยและคุณค่าสารอาหารสูงสุด

  • ใช้วิธีการโม่หินแบบดั้งเดิมในปริมาณน้อย และใช้ความร้อนต่ำ
  • มีใบรับรองออร์แกนิคมาตรฐาน USDA และ EU (ดูใบรับรอง)
  • เรานำเข้าสินค้าโดยตรงจากเกษตรกรในประเทศแหล่งกำเนิด การันตีทั้งเรื่องคุณภาพและราคา
  • ผลิตและแบ่งบรรจุในโรงงานที่มีใบอนุญาตจากอ.ย. และได้รับการรับรองมาตรฐาน GHPs และ HACCP Codex (ดูใบรับรอง)
  • เราเก็บรักษาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ในห้องควบคุมอุณหภูมิ
  • สินค้าบรรจุสุญญากาศเพื่อคงความสดใหม่
  • เลือกใช้เฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับอาหาร (food-grade) และผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีสารตกค้างจากบรรจุภัณฑ์ (Migration test) เท่านั้น
  • ผ่านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทั้งด้านความปลอดภัยและคุณค่าสารอาหาร

ข้อมูลเพิ่มเติม:

งามีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญก็คือ เซซามิน (sesamin) เซซาโมลิน (sesamolin) และเซซามอล (sesamol) ซึ่งช่วยเสริมภูมิต้านทานอวัยวะอย่าง ตับ สมอง และหัวใจ รวมถึงช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผม เพราะเซซามิน ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ทำร้ายคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ช่วยชะลอความแก่ สร้างภูมิคุ้มกันใหักับผิว และซ่อมแซมเซลล์ผิว

นอกจากนี้ งายังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ โดยเฉพาะแคลเซียมที่มีมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และทองแดง และยังมากด้วยวิตามินบีชนิดต่างๆ ซึ่งดีต่อระบบประสาท ช่วยทำให้นอนหลับ ร่างกายกระฉับกระเฉง พร้อมกันนั้นยังมีสารบำรุงประสาทด้วย และวิตามินอีเป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต้านมะเร็ง

งาเป็นแหล่งที่มาของกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงถึง 80% ประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 กรดโอเลอิก และกรดไลโนเลอิก ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัวและหลอดเลือดตีบ ช่วยให้ระบบหัวใจแข็งแรง รวมถึงบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น และบำรุงผม


คุณประโยชน์ของเมล็ดงาขาวออร์แกนิค:
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกเสื่อม กระดูกพรุน
    งาขาวถือเป็นสุดยอดธัญพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันอย่างแคลเซียมและฟอสฟอรัส โดยข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า งาขาวมีปริมาณของแคลเซียมมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า นอกจากนั้นยังมีมากกว่าผักหลายๆ ชนิดถึง 20 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้นผู้ที่รับประทานงาเป็นประจำจะมีอัตราเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนน้อยกว่าคนทั่วไป และยังมีกระดูกฟันที่แข็งแรง ไม่เปราะหรือแตกหักง่ายอีกด้วย

  • ช่วยบรรเทาการนอนไม่หลับ
    เนื่องจากในงาจะมีวิตามินบี โดยวิตามินบีนี้จะช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้ระบบประสาททำงานดีขึ้น และยังลดอาการตึงเครียดของสมอง ทำให้หลับสบาย

  • ช่วยชะลอริ้วรอยบนใบหน้า
    วิตามินอีจากงาขาวเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้าและผิวกายของสาวๆ โดยวิตามินอีจะเป็นตัวกระตุ้นการผลิตคอลาเจนภายในร่างกาย ช่วยลดรอยย่นและร่องลึกได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังทำให้ผิวชุ่มชื่นไม่แห้งกร้าน ด้วยคุณสมบัติข้อนี้เองทำให้ปัจจุบันมีการนำงาขาวมาผสมกับทรีทเม้นต์เพื่อใช้มาร์กหน้าเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว

  • ช่วยลดคอเลตเตอรอล
    เนื่องจากในเมล็ดงาประกอบไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวชนิดดีทั้งโอเมกา 3 และ โอเมกา 6 ที่สามารถช่วยลดคอเลตเตอรอลและไขมันที่เกาะตามหลอดเลือด  จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจได้อย่างดี

  • ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่
  • ช่วยต้านการเกิดโรคมะเร็ง
  • ช่วยบำรุงระบบประสาท
  • ช่วยบำรุงกำลัง ทำให้ร่างกายอบอุ่น
  • ช่วยบรรเทาอาการไอ และขับเสมหะ
  • ช่วยรักษาทรวดทรง
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ ทำให้ขับสารพิษได้ดีขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด
  • ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน
  • แก้ปัสสาวะหรืออุจาระขัด
  • รักษาระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ
  • ช่วยบำรุงเส้นผม กระตุ้นการงอกของผม
  • ป้องกันโรคคอพอก
  • ช่วยบำรุงสายตา
  • ช่วยบำรุง และฟื้นฟูสภาพผิวหนัง
  • ป้องกันโรคเหน็บชา
  • ป้องกัน และแก้อาการท้องผูก
  • ป้องกัน และรักษาโรคกระเพาะ

คุณประโยชน์ของเมล็ดงาดำออร์แกนิค:
  • บำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
    จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Ethnopharmacology พบว่า การรับประทานสารสกัดจากงาดำสามารถช่วยป้องกัน และชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ โดยในการศึกษาได้ให้อาสาสมัครที่อยู่ในกลุ่มสูงวัยรับประทานสารสกัดจากงาดำแบบแคปซูลปริมาณ 500 มิลลิกรัม ทุกวันติดต่อกัน 9 สัปดาห์ พบว่าหลังจาก 9 สัปดาห์ผ่านไป อาสาสมัครเหล่านี้มีพัฒนาการในด้านความจำและการเรียนรู้ที่ดีขึ้น
  • บรรเทาอาการปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์
    สำหรับคนที่มีปัญหาข้อต่ออักเสบรูมาตอยด์ การรับประทานงาดำสามารถลดอาการปวดได้ เพราะธาตุทองแดงที่อยู่ในงาดำมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ ทำให้อาการปวดลดลง นอกจากนี้ธาตุทองแดงยังมีส่วนช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนนั้นสำคัญต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ข้อต่อ กระดูกอ่อน และหลอดเลือดให้แข็งแรง
  • บำรุงผิวพรรณและกระดูก
    งาดำขึ้นชื่อว่าเป็นธัญพืชอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งแคลเซียมที่อยู่ในงาดำนั้นมีมากกว่านมถึง 6 เท่า นอกจากนี้ก็ยังมีสังกะสีที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก เพิ่มมวลกระดูก จึงเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน ขณะที่วิตามินอีที่อยู่ในงาดำก็ยังมีส่วนสำคัญในการบำรุงผิวพรรณให้นุ่มชุ่มชื้น หากรับประทานเป็นประจำรับรองได้เลยว่ากระดูกแข็งแรง ผิวพรรณดี ห่างไกลจากริ้วรอยแห่งวัย ดูเด็กลงได้อีกหลายปีเลย
  • ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
    สารเซซามีนและสานเซซาโมลีน เป็นไฟเบอร์ในกลุ่มลิกแนน (Lignans) ที่มีคุณสมบัติในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งเจ้าสารชนิดนี้เป็นสารที่อุดมอยู่ในงาดำ นอกจากนี้ในงาดำก็ยังอุดมด้วยสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่มึโครงสร้างใกล้เคียงกับคอเลสเตอรอล แต่ไม่เป็นอันตรายกับสุขภาพ ยิ่งรับประทานก็ยิ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้อีกด้วย
  • บำรุงหัวใจ
    เพราะงาดำสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ จึงทำให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงขึ้น เพราะเมื่อร่างกายมีระดับคอเลสเตอรอลที่ลดลง ก็จะส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจสะอาดขึ้น ระบบไหลเวียนเลือดก็ดีขึ้น ลดความเสี่ยงได้ทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคความดันโลหิตสูง
  • ป้องกันโรคมะเร็ง
    สารต้านอนุมูลอิสระที่อัดแน่นเต็มเมล็ดงาดำ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้งาดำกลายเป็นอาหารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโรคมะเร็งลำไส้ เพราะไฟเบอร์ที่อยู่ในงาดำจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของระบบลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ก็ลดลง นอกจากนี้สารเซซามีนที่มีอยู่ในงาดำก็ยังช่วยป้องกันสารอนุมูลอิสระไปทำลายตับและเมื่อตับสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว ก็จะไม่มีสารพิษสะสมในร่างกายจนก่อให้เกิดโรคมะเร็งนั่นเอง แต่ทั้งนี้เอง หากรับประทานมากเกินไปก็อาจทำให้เสี่ยงกับโรคมะเร็งได้เหมือนกัน ฉะนั้นต้องรับประทานในปริมาณที่พอดีจะดีที่สุดค่ะ
  • ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย
    แม้จะเป็นเพียงธัญพืชเมล็ดเล็ก ๆ แต่งาดำก็อุดมไปด้วยไฟเบอร์จำนวนมาก ซึ่งถ้ารับประทานบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
  • บรรเทากลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)
    เพราะงาดำอุดมไปด้วยวิตามินบี แคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ที่ช่วยลดอาการ PMS ได้เป็นอย่างดี
  • แก้ผมร่วง บำรุงเส้นผม ช่วยป้องกันผมหงอก
    งาดำเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยไขมันที่ดี ไม่ว่าจะเป็นไขมันโอเมก้า 3, 6 และ 9 ซึ่งล้วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม อีกทั้งช่วยบำรุงให้หนังศีรษะและเส้นผมชุ่มชื้นมีสุขภาพดี
  • ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
    แคลเซียมและแมกนีเซียมที่อยู่ในงาดำ มีส่วนสำคัญที่ช่วยบรรเทาความเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอกจากนี้ทริปโตเฟน (tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีในงาดำก็ยังเข้าไปช่วยเสริมสร้างการทำงานของเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
  • บำรุงสายตา
    ในการแพทย์แผนจีนเชื่อว่าดวงตานั้นสัมพันธ์กับตับ ดังนั้นหากตับมีปัญหาก็จะทำให้ดวงตาอ่อนล้า ตาแห้ง และมองเห็นไม่ชัดได้ จึงทำให้มีการนำงาดำมาใช้ในแพทย์แผนจีนเพื่อบำรุงสายตาและตับไปพร้อม ๆ กัน
  • ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนังของคุณ
  • ช่วยเพิ่มพลังงานและความแข็งแรงของร่างกาย
  • ช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน ลดความอ้วน
  • ช่วยลดการดูดซึมและการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล
  • ช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรงยิ่งขึ้น
  • ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในระบบประสาท
  • งาดำมีธาตุเหล็กซึ่งช่วยบำรุงโลหิต
  • ช่วยลดความดันโลหิต ขยายหลอดเลือด ป้องกันเกล็ดเลือดที่จะเกาะตัวกันเป็นลิ่ม
  • ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคเหน็บชา และตะคริว
  • ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร
  • ช่วยต้านการอักเสบจากโรคข้อเสื่อม ยับยั้งการเสื่อมสลาย

วิธีรับประทาน:
  • ใช้เป็นซอสสำหรับจิ้ม (dipping sauce) หรือเป็นน้ำสลัด
  • ใช้แทนเนยหรือมาการีน สำหรับทาขนมปัง แครกเกอร์ หรือใส่ในขนมอบและเบเกอรี่
  • ใช้เป็นส่วนประกอบหลักในการทำฮุมมุส (hummus)
  • ใช้ประกอบอาหาร และของหวานต่างๆ

ที่มา:

https://whfoods.com
https://authoritynutrition.com
https://draxe.com
https://nutritionfacts.org
https://sukkaphap-d.com
https://puechkaset.com